Phone: +88 00 87 65 12
Mon-Sat (9am - 5pm)
Exm: Factory, Industry, Construction, Fuel Service
บอร์ด ความรัก,ผมเคยคิดฆ่าตัวตาย☠️ ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย ลูกสาวอบต #ผมเคยคิดฆ่าตัวตาย ☠️คุณรู้มั้ยครับว่าคนที่คิดฆ่าตัวตายมีความรู้สึกอย่างไร ทำไมคนเหล่านั้นถึงคิดทำร้ายตัวเอง ทำไมพวกเขาถึงคิดสั้น แล้วคุณเคยมีความคิดหรือมีความรู้สึกแบบนั้นบ้างมั้ยครับ?ผมเคยครับ...ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อผมจากไปได้ซักระยะนึง มันเป็นวิกฤติที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผม หลายคนคงคิดว่าผมคงสบายที่ได้สมบัติมหาศาลจากพ่อ จริงๆแล้วหลังจากที่พ่อผมตายชีวิตผมดำดิ่งสู่หุบเหวผมทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บป่วยของพ่อในช่วงระยะเวลาที่อาการของท่านทรุดหนัก หลังจากมะเร็งลามไปอวัยวะสำคัญ จนท่านจากไปอย่างสงบภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน มันเร็วจนไม่มีเวลาตั้งตัว ไม่มีแม้กระทั่งเวลาที่จะร้องไห้นับตั้งแต่วินาทีที่พ่อผมสิ้นลม มีนักข่าวและผู้คนมากมาย โทรเข้ามาสัมภาษณ์ รวมถึงสอบถามซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับพ่อผม ผมรับสายประมาณ 200 สายจนลูกน้องบอกว่า “พี่พอเถอะให้พวกหนูทำแทนนะ” มันเป็นเวลาที่บีบคั้นหัวใจและต้องจัดเตรียมทุกอย่างเพราะเป็นหน้าที่ของลูกชายคนเดียวพึงกระทำผมให้สัมภาษณ์นักข่าวผ่านทางโทรศัพท์ และโทรทัศน์ รวมถึงสื่อโซเชียลต่างๆ ในขณะที่ต้องข่มน้ำตาเอาไว้ข้างใน ตลอดระยะเวลาของงานศพผมรับแขกที่มาจนเบลอไปหมด หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้นผมก็รีบกลับเชียงราย เพื่อเตรียมงานทำบุญร้อยวัน ต้องเตรียมสถานที่และพิธีการต่างๆ และในช่วงนั้นก็มีศิลปินอันเปรียบเสมือนพ่อผมอีกคนนั่นก็คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ จากไปแบบปัจจุบันทันด่วนอีกหนึ่งคน ณ เวลาที่ผมได้ทราบข่าวน้ำตาของผลไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก ความอดทนอดกลั้นทั้งหมดพังทลายลงไปพร้อมการจากไปของคนที่รักและผูกพันในเวลาใกล้ๆกัน และหลังจากนั้นอีกไม่นานศาสตราจารย์เกียรติคุณชลูด นิ่มเสมอก็จากไปอีกท่าน ซึ่งเป็นอาจารย์ของผมและพ่อ นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการศิลปวัฒนธรรมหลังงานทำบุญร้อยวันเสร็จ ผมก็จัดเตรียมเอกสารต่างๆเพื่อไปยื่นต่อศาลในการขอเป็นผู้จัดการมรดก ปรากฏว่ามีคนยื่นคำร้องขอเป็นก่อนผมหลังจากงานศพพ่อผมเสร็จไปได้แค่ 9 วัน มันเป็นเรื่องที่เกินจะคาดคิด เพราะผมเป็นทายาทผู้สืบสันดานเพียงผู้เดียว และไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครกล้าทำอะไรแบบนี้ ผมทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่มีประสบการณ์เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลมาก่อนช่วงนั้นผมเกิดวิกฤษทางการเงินอย่างหนัก เพราะภาระค่าใช้จ่ายทั้งงานศพ งานทำบุญร้อยวัน งานเลี้ยงกาล่าดินเน่อร์แสงสีเสียงที่คนเขาอยากจัดให้พ่อแต่ผมต้องเป็นคนจ่ายเงิน ค่าแรงคนงาน ค่าดูแลพิพิธภัณฑ์บ้านดำ ค่าใช้จ่ายต่างๆหลั่งไหลเข้ามาจนตั้งรับไม่ทัน ในขณะที่เงินทั้งหมดของผมถูกอายัติ ผมมีบัญชีร่วมกับพ่อ ในนั้นเป็นเงินที่เราทำโปรเจคร่วมกัน ผมเปิดบัญชีร่วมกับพ่อเพราะผมอยากให้ท่านมีความรู้สึกภาคภูมิใจกับเงินที่ลูกหามาได้ แต่มาถึงวันนี้ผมเบิกเงินออกมาไม่ได้เพราะธนาคารบอกว่าต้องรอคำสั่งศาลแต่งตั้งผมเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อนทำไงดีล่ะเงินจ้างทนายก็ยังไม่มี งานที่บริษัทลูกน้องก็ลาออกทั้งหมด ลูกน้องที่บ้านดำก็รอเงินเดือน เงินเก็บที่ผมมีก็ใช้จ่ายเกี่ยวกับงานศพไปจนหมด ผมเหมือนคนล้มละลาย ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีสมบัติ ผมขายรถที่ผมรักไป 5 คัน เพื่อเอามาใช้จ่ายต่างๆ เงินในบัญชีก็ถูกอายัติ เงินของพ่อก็เอาออกมาใช้ไม่ได้เพราะมีคนไปร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งเขาคนนั้นหลังจากที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยเขายืนยันจะขอเป็นผู้จัดการมรดกให้ได้ ผมก็เลยต้องต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผลสุดท้ายศาลท่านก็ให้ความเป็นธรรม ตัดสินให้ผมเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ในศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์ แต่เขาคนนั้นก็ร้องต่อศาลฏีกา ซึ่งจะตัดสินภายในปีหน้า ดังนั้นลืมไปได้เลยว่าผมจะเอาสมบัติพ่อออกมาผลาญอย่างหลายๆคนคิดผมดีใจที่ตัวเองทำงานตั้งแต่อายุ 17 ผมไม่เคยขอเงินพ่อเลยตั้งแต่เรียบจบปริญญาตรี จริงๆผมเป็นคนปากหนักตั้งแต่เด็กๆไม่เคยขออะไรพ่อแล้วแต่ท่านจะเมตตาเอง จากการทำงานหนักผมจึงมีทุกอย่างด้วยหนึ่งสมองสองมือหนึ่งหัวใจด้วยตัวเอง ไม่งั้นผมคงต้องนอนข้างถนนในขณะที่มีเรื่องฟ้องร้องกันแบบนี้ นับจากวันที่พ่อจากไปผ่านมาสามปีแล้ว แต่ผมก็ยังทำอย่างหนักเพื่อประคับประคองทุกๆอย่างในขณะที่หัวใจยังบอบช้ำอย่างสาหัส คนรักของผมได้เดินออกจากชีวิตของผมไป โดยที่ไม่ลาแม้แต่คำเดียว ทั้งๆที่อาทิตย์หน้าเราวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ ตั้งแต่เธอเข้ามา เธอต้องพบกับปัญหาต่างๆของผมรอบด้านรวมทั้งความกดดันอื่นๆร่วมกับผม เมื่อเธอจากไป วันนั้นผมล้มทั้งยืน มันเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เหมือนโลกจะแตกดับ เหมือนผมขาดที่พึ่งทางใจ แถมเพื่อนฝูงพี่น้องที่เคยรักกันมาหลายปี ก็เปลี่ยนไปเดินออกจากชีวิตผม ตัดสินผม โดยไม่เคยถามหรือให้โอกาศผมได้พูดอะไร หลายคนทำร้ายผม ใส่ร้ายผม แต่ผมก็เลือกที่จะอดทน โดยไม่ออกมาโต้แย้งอะไรใดๆ เพราะผมเชื่อว่าความจริงเสียงดังเสมอ...พ่อตาย มีคนฟ้องร้อง เงินถูกอายัติ อาจารย์ไล่ไปดรอปเพราะขาดเรียนไปงานศพพ่อ ลูกน้องลาออก งานไม่มีเข้า เงินไม่มีแฟนทิ้ง ผมกลายเป็นคนซึมเศร้า เป็นซอมบี้...สภาพจิตใจผมย่ำแย่ ผมไปตรวจร่างกายกับหมอที่ดูแลผมประจำ หมอบอกว่าผมมีภาวะเครียดจนร่างกายเกินจะรับได้ ผมสารภาพกับหมอตรงๆว่า “ผมไม่อยากอยู่แล้วผมไม่ไหว ผมเคยคิดจะยิงตัวตายหลายครั้ง” หมอบอกผมว่ามันเป็นอาการเคมีในสมองผิดปกติ เกิดจากความเครียดและสภานการณ์ต่างๆที่บีบคั้นเรามากเกินไปแต่รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงผ่านมาได้ อย่างแรกผมต้องเข้าใจตัวเองก่อน คือผมมีหมอที่ชี้แนะและรักษาผมทางด้านร่างกาย และผมใช้ธรรมะเยียวยาด้านจิตใจ เมื่อผมเจอปัญหาหนักจนเกินจะเยี่ยวยา ผมรีเซ็ตตัวเองด้วยการตัดสินใจไปปฏิบัติธรรม ตัดขาดจากโลกภายนอก เพื่อประคองสติให้รู้ตื่นรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา อยู่ในสภาวะทางธรรม หลังจากผมกลับมาในสภาวะทางโลก ผมทำงานหนักเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเพื่อไม่ให้มีเวลาฟุ้งซ่าน และผมออกไปทำงานเพื่อส่วนรวมเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าโดยการทำงานเป็นอาสาสมัครและช่วยเหลือสังคมด้านอื่นๆ เพื่อให้ได้เห็นความยากลำบากและได้เรียนรู้ชีวิตคนอื่นว่ายังมีคนอื่นที่ทุกข์กว่าเราอีกเยอะนี่คือเคล็ดลับในการเอาชีวิตรอดของผม บวกกับผมมีเพื่อนหลายๆคนที่ดี ที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผม หลายปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผมก้าวผ่านการฆ่าตัวตายมาได้จนถึงวันนี้ผมเข้าใจดีว่าทำไมคนถึงฆ่าตัวตาย เพราะผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ถ้าคุณเจอคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือกำลังคิดทำร้ายตัวเอง อย่าทอดทิ้งเขาเพราะเขาเหล่านั้นต้องได้รับการเยียวยาและต้องการกำลังใจ“การตายไม่ใช่เรื่องยากแต่การอยู่อย่างมีคุณค่านั้นยากยิ่งกว่า”ขอให้ทุกคนเอาชนะปัญหาและอุปสรรคได้ด้วยสติและปัญญาของตนเองด้วยความรักและปรารถนาดีดอยธิเบศร์ ดัชนี#doysword23/12/17